ไม้เทียม

ไม้เทียม” หรือไม้เอ็นจิเนียร์ เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในช่ วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีประโยชน์ในการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ และสัมผัสเหมือนไม้จริง มีข้อดีหลายประการ ทำให้เป็นทางเลือกที่ใช้งานได้จริง และทนทานเป็นระยะเวลายาวนาน

ไม้เทียมคืออะไร?

ไม้เทียม เป็นวัสดุที่เกิดจากการนำอนุภาค หรือเส้นใยไม้ มาผสมกับวัสดุสังเคราะห์ ประเภทพลาสติก เรซิน หรือโพลิเมอร์ บีบอัดภายใต้แรงกด และอุณหภูมิที่สูง นำไปตัด ขึ้นรูปต่างๆ รวมถึงไม้พื้น ระเบียง รั้ว ผนังและหลังคา เป็นต้น
ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะ และผิวสัมผัสเหมือนไม้จริง มีความทนทานมากขึ้น ทนต่อแมลง และความชื้น
ไม้เทียม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อประโยชน์หลากหลายประการสามารถใช้งานทดแทน ไม้จริง ทำขึ้นโดยการผสมระหว่าง เส้นใย เข้ากับวัสดุสังเคราะห์ เพื่อให้ มีความทนทานกว่าไม้จริง การบำรุงรักษาต่ำ และนำมาใช้งานได้หลากหลายกว่า เหมาะกับการใช้งานรองรับทุกการออกแบบตามสไตล์อย่างลงตัว

ประเภทของไม้เทียม

  1. ไม้เทียมชนิดเนื้อเยื่อ (Wood-Based Composite): ประกอบด้วยเศษไม้หรือเศษไม้ขยะที่ถูกกัดกะเทาะ จำนวนใหญ่จะถูกผสมกับกาวและสารเคมีเพื่อรวมเข้าด้วยกัน นิยมใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ แผ่นไม้เคลือบ หรือวัสดุก่อสร้าง
  2. ไม้เทียมชนิดพลาสติก (Plastic-Based Composite): ผลิตจากพอลิเมอร์พลาสติกผสมกับวัสดุอื่นๆ เช่น ไม้เล็กๆ หรือใยแก้ว เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานต่อสภาพแวดล้อม
  3. ไม้เทียมชนิดโพลีเอสเตอร์ (Polystyrene-Based Composite): ผลิตจากโพลีเอสเตอร์ที่มีโครงสร้างเฉพาะที่มีความหนาแน่นสูง และมีคุณสมบัติทนทานต่อความชื้นและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง
  4. ไม้เทียมชนิดเคมี (Chemically-Based Composite): ผลิตโดยใช้วัสดุชีวภาพที่มีอินทรีย์ต่ำ เช่น วัสดุจากเซลลูโลส ที่ผ่านกระบวนการเคมีเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน
  5. ไม้เทียมชนิดแกรนูล (Granular-Based Composite): ผลิตโดยใช้เศษไม้หรือเศษวัสดุอื่นๆ ที่ถูกบดเป็นขนาดเล็ก ๆ แล้วผสมกับสารกาวหรือสารเคมีเพื่อสร้างวัสดุใหม่

 

 

ประโยชน์ของไม้เทียม

ความทนทาน – หนึ่งในประโยชน์หลักของไม้เทียม คือ ความทนทาน ได้รับการออกแบบมาให้มีความทนทานสูง แตกต่างจากไม้จริง ที่มีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างสั้น ไม่ทนต่อแมลง และความสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ทำให้เป็นทางเลือกของไม้เทียม สามารถใช้งานได้จริงได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น ทั้งการใช้งานภายใน และการใช้งานกลางแจ้ง เช่น นำไม้เทียมมาทำพื้นระเบียง และรั้ว รวมถึงผนังไม้เทียม เป็นต้น
การบำรุงรักษาต่ำ – ข้อดีอีกอย่างของไม้เทียม คือ การบำรุงรักษาต่ำ ซึ่งแตกต่างจากไม้จริงที่ต้องย้อมสี และดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาสภาพให้พร้อมใช้งาน แต่ไม้เทียมสามารถปล่อยให้เป็นไปตามสภาพอากาศตามธรรมชาติโดยไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ
ความยั่งยืน – ไม้เทียม เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับไม้จริงอีก เนื่องจากทำจากวัสดุรีไซเคิล ผสมผสานกับวัสดุสังเคราะห์ ลดการใช้งานไม้จากธรรมชาติ และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ ทำให้เป็นทางเลือกที่มากขึ้น สำหรับโลกในปัจจุบันที่ทุกคนเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และผลกระทบของผลภาวะที่มีต่อโลกใบนี้
ความสวยงาม – นอกจากประโยชน์ในการใช้งานแล้ว ไม้เทียมยังมีทางเลือกในด้านของการออกแบบที่หลากหลาย สามารถทำให้ดูเหมือนไม้หลากหลายชนิด เช่น ไม้โอ๊ค ไม้ซีดาร์ หรือไม้แดง มีให้เลือกหลากหลายสี และพื้นผิวให้เลือก แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งาน และการออกแบบในรูปแบบต่างๆ

ข้อพิจารณาในการเลือกใช้ไม้เทียม

การเลือกใช้วัสดุสำหรับโครงการหรืองานก่อสร้างเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพและความยาวนานของผลงาน ไม้เทียมเป็นตัวเลือกที่มีความนิยมเนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีและความหลากหลายในการใช้งาน ดังนั้น การเลือกใช้ไม้เทียมต้องพิจารณาด้านต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต่อไปนี้คือปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกใช้ไม้เทียม:

1. คุณสมบัติทางกายภาพ : ควรพิจารณาคุณสมบัติทางกายภาพของวัสดุ เช่น ความแข็งแรง ความทนทานต่อการกัดกร่อน ความสามารถในการทนทานต่อสภาพแวดล้อม เพื่อให้มั่นใจว่าวัสดุที่เลือกใช้เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่จะเอาไปใช้

2. ความหลากหลายในการใช้งาน : ควรพิจารณาว่าวัสดุสามารถใช้งานได้ในหลายๆ สาขาอุตสาหกรรมหรือไม่ เช่น การใช้งานในอุตสาหกรรมสถาปัตยกรรม การผลิตเฟอร์นิเจอร์ หรือการใช้งานในโครงการสร้างสรรค์ต่างๆ

3. ความสวยงาม : ความสวยงามของวัสดุเป็นสิ่งที่สำคัญในงานที่ต้องการความงดงาม เลือกใช้ไม้เทียมที่มีลวดลายและสีที่เหมาะสมกับการใช้งานและสาขาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

4. ความเหมาะสมทางด้านราคา : การเลือกใช้ไม้เทียมควรพิจารณาถึงราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณ ควรเลือกวัสดุที่มีคุณภาพดีและราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณของโครงการ

5. อายุการใช้งาน : ควรพิจารณาถึงอายุการใช้งานของวัสดุ โดยการเลือกใช้ไม้เทียมที่มีความทนทานและสามารถใช้งานได้นานๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการซ่อมแซมในอนาคต

6. ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : การเลือกใช้ไม้เทียมที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ เลือกใช้วัสดุที่ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการที่มีประสิทธิภาพและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

ในการเลือกใช้ไม้เทียม ควรพิจารณาทุกปัจจัยข้างต้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และมั่นใจว่าวัสดุที่เลือกใช้เหมาะสมกับการใช้งานและความต้องการของโครงการอย่างแท้จริง.

ราคาไม้เทียม และปัจจัยทางด้านราคา

การเลือกใช้วัสดุในโครงการหรืองานก่อสร้างมักมีผลต่องบประมาณและความสำเร็จของโครงการอย่างมาก ในปัจจุบัน ไม้เทียมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีและหลากหลาย อย่างไรก็ตาม การที่ราคาไม้เทียมมีความแปลกแยกกันไปตามประเภทของวัสดุ สำหรับผู้ที่สนใจในการเริ่มต้นใช้ไม้เทียม การเข้าใจถึงราคาและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคานั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

1.  ประเภทของไม้เทียม : ราคาของไม้เทียมมักมีความแตกต่างกันไปตามประเภทของวัสดุ ตัวอย่างเช่น ไม้เทียมชนิดเนื้อเยื่อ (Wood-Based Composite) อาจมีราคาที่ต่ำกว่า ไม้เทียมชนิดพลาสติก (Plastic-Based Composite) หรือไม้เทียมชนิดโพลีเอสเตอร์ (Polystyrene-Based Composite) เนื่องจากวัสดุและกระบวนการผลิตมีความแตกต่างกัน

2. คุณภาพของวัสดุ : คุณภาพของไม้เทียมมีผลต่อราคาของวัสดุโดยตรง วัสดุที่มีคุณภาพสูงมักจะมีราคาสูงกว่า โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความแข็งแรง ความทนทาน และความคงทนต่อสภาพแวดล้อม

3.  ขนาดและความหนา : ขนาดและความหนาของแผ่นไม้เทียมมีผลต่อราคาด้วย เพราะว่าการผลิตและการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

4.  การจำหน่ายและการจัดจำหน่าย : ราคาไม้เทียมอาจแตกต่างกันไปตามบริษัทผู้ผลิตและผู้จำหน่าย เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการจัดหาวัสดุ การผลิต และการจัดส่งที่แตกต่างกัน

5. การสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก : การสั่งซื้อไม้เทียมเป็นจำนวนมากสามารถช่วยลดราคาได้ โดยบางบริษัทอาจมีนโยบายส่งเสริมการสั่งซื้อเป็นจำนวนมากด้วยการให้ส่วนลด

6. สภาพการตลาด : สภาพการตลาดของไม้เทียมย่อมมีผลต่อราคา การควบคุมปริมาณการผลิตและการส่งออก-นำเข้าของวัสดุอาจทำให้มีการปรับราคาขึ้นหรือลงตามการตอบสนองของตลาด

การเลือกใช้ไม้เทียมที่มีราคาเหมาะสมต้องพิจารณาถึงคุณภาพ การเลือกซื้อไม้เทียมที่มีคุณภาพดีและราคาเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและความพึงพอใจสูงสุดในการใช้งาน.